วิธีเล่นป๊อกเด้งได้เงินจริง ตามทฤษฎีและหลักการทางคณิตศาสตร์

เกมไพ่ ป๊อกเด้ง ออนไลน์ เป็นเกมที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี และได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเพราะกติกาที่เข้าใจง่าย ใช้เวลาการเล่นสั้น เกมจบเร็วและได้เงินเร็ว ทำให้หลายๆ คนคุ้นเคยกับเกมไพ่ชนิดนี้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่า เล่นกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนกับเพื่อนๆ หรือการรวมกลุ่มเที่ยว ปาร์ตี้ต่างจังหวะตั้งวงเล่นง่ายๆ ได้เช่นกัน

        อย่างไรก็ดี ผู้เล่นหลายรายที่ชื่นชอบ การเล่นป๊อกเก้ง อาจไม่ทราบว่า ป๊อกเด้ง เกม ก็เป็นเกมไพ่ที่มีกลยุทธ์และสามารถใช้หลักการทางคณิตศาสตร์ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะได้ด้วย โดยนักเล่น ป๊อกเด้งมืออาชีพ มักจะนำเอาหลักการเหล่านี้มาคิดเป็นสูตร เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะมากขึ้น

        และแน่นอนว่า บทความนี้ หากผู้เล่นคนไหนกำลังสนใจศึกษากลยุทธ์ง่ายๆ ของเกมป๊อกเก้ง โดยใช้เรื่องของตัวเลข สถิติ รวมถึงหลักการทางคณิตศาสตร์เข้ามาช่วย สามารถทดลองเรียนรู้หลักการเหล่านี้ได้เลย

ก่อนเล่นป๊อกเด้ง กติกา ต้องจำให้แม่น

        เกมไพ่ป๊อกเด้ง กติกาง่ายๆ ที่ทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า การเล่นป๊อกเด้ง2ใบ จะเริ่มต้นด้วยการที่เจ้าแจกไพ่ให้ลูกมือคนละ 2 ใบ จากนั้นนำแต้มของไพ่ 2 ใบนำมารวมกัน เพื่อคิดคะแนนระหว่างผู้เล่นละเจ้ามือ โดยมีหลักการนับแต้ม ดังนี้

        ป๊อก 9, ป๊อก 8, แต้ม 7-1 คะแนน, และ แต้มบอด

หลังจากนี้ หากผู้เล่นไม่ได้ไพ่ ป๊อก 9 หรือ 8 ก็มีโอกาสจะเลือกจั่วไพ่ใบที่ 3 ได้เพิ่ม ซึ่งกลยุทธ์การใช้หลักทฤษฎี และหลักทางคณิตศาสตร์จะถูกนำมาใช้ ในการจั่วไพ่ใบที่ 3 นี้เอง และหากว่า ผู้เล่นเข้าใจกลยุทธ์แล้วก็จะสามารถเลือกตัดสินใจเล่นได้อย่างถูกต้อง เพื่อโอกาสในการชนะมากขึ้นนั่นเอง

เล่นไพ่ป๊อกเด้งออนไลน์ได้เงินจริง

เริ่มวิเคราะห์กลยุทธ์ป๊อกเด้งตามหลักคณิตศาสตร์

การเล่นป๊อกเด้งออนไลน์ ได้เงินจริง มีมากมายหลายวิธี แต่แน่นอนว่า การใช้ทฤษฎีและหลักการทางคณิตศาสตร์ยังเป็นแนวทางใหม่ที่คนยังไม่ทราบมากนัก โดยสามารถทำได้ด้วยการ เล่นป๊อกเด้งฟรี จากนั้นทำการจำลองสถานการณ์การเล่นป๊อกเด้ง ระหว่างเจ้ามือและผู้เล่น

ในการจำลองการเล่นลักษณะนี้จะเป็นการจำลองสถานการณ์การเรียกไพ่ใบที่ 3 หรือที่เรียกว่า จั่วเพิ่ม วัดผลออกมาเป็นข้อมูลหรือ data analysis จากความน่าจะเป็นโดยการสุ่มผลความเป็นไปได้ในการ เล่นป๊อกเด้ง2ใบ และ 3 ใบมากกว่า 100,000 ครั้ง

เริ่มวิเคราะห์กลยุทธ์ป๊อกเด้งตามหลักคณิตศาสตร์

จากรูปภาพด้านบน จะแสดงข้อมูลทั้งฝั่งผู้เล่น (player) และเจ้ามือ (dealer) โดยทั้ง 2 ฝั่งจะแสดงไพ่เริ่มต้นที่ได้รับจำนวน 2 ใบ จากนั้นในช่วงถัดไปทางขวาๆ ทั้งเจ้ามือและผู้เล่นจะสามารถเรียกไพ่เพิ่มเติมโดยเรียกไพ่ใบที่ 3 โดยอยู่ในช่อง new_card และ new_hand

สำหรับในช่องของ dealer new card จะถูกแบ่งออกเป็น 2 column เนื่องจากแยกให้เห็นในกรณีที่ลูกมือไม่ได้หยิบไพ่เพิ่ม และเจ้ามือเป็นผู้เลือกที่จะจั่วไพ่ขึ้นมา โดยไพ่ใบบนสุดจะเป็นของเจ้ามือ นอกจากนี้หากผู้เล่นเลือกจั่วไพ่ไป เจ้ามือจะได้ไพ่ใบถัดไปมาแทน

ขณะเดียวกัน ในตารางความเป็นไปได้ที่มีมากกว่า 100,000 โอกาสนี้ ยังต้องพิจารณาความเป็นไปได้ในกรณีที่ ผู้เล่นหรือเจ้ามือ มีโอกาสได้ไพ่ป๊อก ไม่ว่าจะเป็น ป๊อก 9 หรือ ป๊อก 8 จะทำให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ไม่สามารถหยิบไพ่ใบที่ 3 เพิ่มได้ และเกมจะจบลงทันที และเมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นในช่อง column card และ new card จะเป็นไพ่ชุดเดียวกันหมด

นำข้อมูลที่ได้มาต่อยอดความสำเร็จ

        จากข้อมูลในตาราง data analysis เราสามารถแบ่งกลุ่มไพ่ 2 ใบแรก ออกเป็น 5 กลุ่มตามโอกาสต่างๆ ที่เป็นไปได้ โดยหลักการตรงนี้จะใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์ว่า ไพ่แบบไหนมีโอกาสออกมากที่สุด ไพ่ที่เราถือมีโอกาสชนะมากน้อยเพียงใด หรือมีรายได้ต่อมือเท่าไหร่

นำข้อมูลที่ได้มาต่อยอดความสำเร็จ

        1. ไพ่บอด (ไม่มีแต้ม)

        2. ไพ่เลขคี่ (1,3,5,7 และป๊อก 9)

        3. ไพ่เลขคู่ (2,4,6 และป๊อก8)

        4. ไพ่เลขคู่ 2 เด้ง

        5. ไพ่เลขคี่ 2 เด้ง

        เมื่อทราบจำนวนไพ่ในกลุ่มต่างๆ แล้ว ก็สามารถเริ่มวิเคราะห์ โดยสามารถตัดผู้เล่มที่ได้ไพ่ป๊อก ทั้งป๊อก 9 และ ป๊อก 8 ออกก่อนเลย เนื่องจากไม่ว่า จะได้ไพ่บอด หรือไพ่ 7 สองเด้ง ก็ยังคงมีค่าเท่าเดิมอยู่ดี เนื่องจากอีกฝ่ายที่ได้ไพ่ป๊อกเป็นผู้ชนะไปแล้ว

        หลังจากจำลองสถานการณ์การเล่นป๊อกเด้ง เพื่อสุ่มผลความเป็นไปได้ในการเล่นไปแล้วจากตารางแล้ว และแบ่งแยกผลการแข่งขันออกมาเป็น 5 กลุ่มย่อยแล้ว ตามหลักคณิตศาสตร์ ยังต้องวิเคราะห์ต่อโดยใช้โค้ด เขียนตารางออกมาให้ได้ทราบผลที่กระชับและเข้าใจง่ายขึ้น

pookdang chances

        ในตารางที่ 3 ตามภาพด้านบนนี้ จะเห็นว่ามี ช่องใหม่ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาโดยจะเป็นช่องที่ขึ้นต้นด้วย 2v2 ไปจนถึง 3v3 ซึ่งหมายถึง จำนวนไพ่ในมือของผู้เล่น และตัวเลขหลังหมายถึงจำนวนไพ่ของเจ้ามือนั่นเอง ขณะเดียวกัน ยังมีช่อง _re (Result) ที่บอกถึงผลลัพธ์จากการแข่งขันด้วยว่า ตาดังกล่าว เป็นผู้เล่น หรือเจ้ามือที่เป็นฝ่ายชนะ เสมอ หรือแแพ้ รวมไปถึงช่องลงท้ายด้วย _port จะเป็นเงินที่ลูกมือชนะและได้รับจากตานั้นๆ

        ตัวอย่าง

        ในตารางเกมแรกที่ player_hand ผลออกมาเป็นบอด และ dealer_hand ได้แต้มเป็น 7 คะแนน ดังนั้นถ้าไม่มีใครหยิบไพ่ใบที่ 3 เพิ่ม ผลลัพธ์ของเกมในช่อง (2v2_re) จะเป็นลูกมือ “เสีย” และคิดเป็นมูลค่าเท่ากับ -1 บาท (2v2_port) นั่นเอง

        ขณะเดียวกัน ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากลูกมือเลือกที่จะจั่ว รับไพ่ใบที่ 3 หมายความว่า ผู้เล่นจะได้รับไพ่ [A โพธิ์แดง] โดยยึดตามตารางที่ 1 ทำให้ให้คะแนนของผู้เล่นเพิ่มจากบอด เป็น 1 แต้มหลัง ส่วนอีกกรณีและถ้าหาก

เจ้ามือเลือกที่จะจั่วไพ่ใบที่ 3 เพิ่มเช่นกัน เจ้ามือจะได้รับไพ่ 2 ดอกจิก ทำให้จากเดิมที่มี 7 แต้ม เจ้ามือจะมีเพิ่มเป็น 9 หลัง แต่สุดท้ายผลลัพธ์ (3v3_re) ยังเป็นผู้เล่นเสียเหมือนเดิม

        ดังนั้นผู้เล่น เล่นป๊อกเด้ง ออนไลน์ จึงเกิดคำถามว่า ควรเลือกอย่างไรดีระหว่าง จั่ว หรือ อยู่ ซึ่งในกรณีนี้เมื่อผู้เล่นมีไพ่ที่ถืออยู่เป็นมือที่ดีอยู่แล้วก็ไม่ต้องจั่ว แต่ถ้าเป็นมือที่แย่ก็จั่วเพิ่ม ซึ่งตาม ป๊อกเด้ง กฎพื้นฐานแล้ว การได้แต้มต่ำกว่า 3 คะแนนยังไงก็ควรต้องจั่วอยู่ดี แต่หากแต้มเกินแล้วผู้เล่นสามารถพิจารณาตามหลักทฤษฎีได้ดังนี้

จะดีหรือร้าย ขอเสี่ยงไว้ก่อน

        หลักการเล่นแบบนี้ ป๊อกเด้ง คืออาจจะต้องเพิ่มความเสี่ยงให้มากขึ้นจากเดิม แต่เพื่อความเสี่ยงที่คุ้มค่า และมั่นใจว่า เล่นป๊อกเด้งได้เงินจริง เราจึงต้องทำตารางเพิ่มเติมอีก โดยใช้หลักเกณฑ์การเทียบผลลัพธ์ของฝั่งเจ้ามือ และผู้เล่นแบบชัดเจน โดยใช้ 2 ตัวแปรสำคัญคือ โอกาสชนะ และ รายได้ต่อมือ  หาค่าที่แน่นอนออกมา

จะดีหรือร้าย ขอเสี่ยงไว้ก่อน

        จากตารางนี้ เราจะยังคงแบ่งเป็นหมวดหมู่ตามความเป็นไปได้เหมือนเดิม โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

        กลุ่มที่ 1: Bad hands โอกาสชนะน้อยกว่า 70% และมีรายได้ต่อมือน้อยกว่า 0

        กลุ่มที่ 2: Risky hands โอกาสชนะน้อยกว่า 70% แต่มีรายได้ต่อมือมากกว่า 0

        กลุ่มที่ 3: Good hands โอกาสชนะมากกว่า 70% และมีรายได้ต่อมือมากกว่า 0

        จากกลุ่มเหล่านี้ เราจะแบ่งกลุ่มตามแนวทางทางการเล่น ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 3 ว่า ถ้าหากไพ่มือที่มีอยู่เป็น bad hand ก็เหมือนบังคับให้จั่วไพ่ใบที่ 3 เพื่อเพิ่มโอกาสชนะ แต่กลับกันถ้าหากมือที่มีอยู่เป็น good hand ก็ไม่จำเป็นต้องจั่วไพ่เพิ่มได้

        ส่วนกลุ่มที่ 2 หรือ Risky hands พวกที่ชอบเสี่ยงและมีโอกาสที่จะออกได้ทั้งชนะและแพ้ เนื่องจากกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างพิเศษ โดยโอกาสชนะน้อยกว่า 70% แต่รายได้จะค่อนข้างเยอะหากว่าเป็นฝ่ายชนะ

        ข้อสรุปของคำตอบในกลุ่มนี้จะมี 2 ทางคือจั่วหรือไม่จั่วนั่นเอง และผู้เล่นกลุ่มนี้ก็ถือเป็นกลุ่มผู้เล่นสำคัญที่สามารถควบคุมผลการแข่งขันตัวเองได้มากที่สุดตามโอกาส และความน่าจะเป็นของทฤษฎีทางคณิตศาสตร์

ฟันธง เล่นป๊อกเด้งออนไลน์ แบบไหนดีกว่า

        อ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่า ผู้เล่นน่าจะเริ่มลังเลแล้วว่า สรุปทางเลือกไหนจะเป็นทางออกที่ดีกว่ากัน ผู้เชี่ยวชาญจาก Gclub มีคำแนะนำแบบนี้ว่า ให้เอาตัวเลือกของทั้ง 2 ฝั่งแบบมาเทียบ ผลประกอบการในระยะยาวได้เลย โดยเทียบกับการเล่นเจ้ามือหลายๆ แบบ ซึ่งหากผลที่ออกมาบอกว่า การจั่วเพิ่มได้ผลดีกว่า หมายถึงว่า การจั่วเพิ่มเป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่า แต่หากผลประกอบการสวนทาง เล่นแล้วเงินลดลง เสียมากขึ้นก็แปลว่า ไม่ควรจั่วนั่นเอง

ฟันธง เล่นป๊อกเด้งออนไลน์ แบบไหนดีกว่า

        ตามวิเคราะห์ตามตรรกะคณิตศาสตร์ และวัดผลจากข้อมูล ที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่า ผลของการจั่วผลที่มีความเสี่ยงมากกว่า จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่า (เส้นแดง) ส่วนเส้นสีดำคือกราฟการเล่นแบบไม่จั่วไพ่ ดังนั้นตามกลยุทธ์นี้ สรุปได้ว่า การจั่วไพ่เพิ่มเติมจะนำไปสู่ผลลัพธ์และโอกาสชนะมากกว่า

        อย่างไรก็ดี แนวทางการวิเคราะห์ด้วยหลักทฤษฎีของคณิตศาสตร์นี้ เป็นเพียงแนวทางที่ทำขึ้นเพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้เท่านั้น ไม่ได้มีแบบแผนหรือแนวทางกำหนดไว้ชัดเจน ซึ่งในสถานการณ์จริงๆ แล้วผู้เล่นอาจต้องใช้ประสบการณ์เข้าช่วยก่อนตัดสินใจว่า จะจั่วไพ่ใบที่ 3 เพิ่มเติมเพื่อสู่กับเจ้ามือหรือไม่

แนวทางของเจ้ามือป๊อกเด้ง เล่นยังไง

        หลังจากได้อธิบายหลักการเล่นของฝั่งผู้เล่นไปเล่น กูรูผู้เชี่ยวชาญเกมป๊อกเด้งก็ไม่พลาดที่จะแนะนำแนวทางการเล่นของฝั่งเจ้ามือให้ได้ทราบกันบ้างว่า ในมุมของเจ้ามือ ป๊อกเด้ง เล่นยังไง ซึ่งตามหลักการรู้เขารู้เราตรงจุดนี้ ผู้เล่นก็ควรศึกษาไว้ด้วยเช่นกัน

        สำหรับการเล่นป๊อกเด้งของเจ้ามือ อาจมีวิธีการเล่นไม่มากนักขึ้นอยู่กับรูปเกมในแต่ละตา แต่ก็ยึดหลักการเดียวกับการเล่นโปกเกอร์ได้ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท เช่น แบบรัดกุม (tight) และ แบบสบายๆ (loose)

  1. การเล่นแบบรัดกุม (tight)

       การเล่นของเจ้ามือในลักษณะนี้จะเล่นและเก็บกินเฉพาะมือที่ดีเท่านั้น หรือเรียกว่ารัดกุมมากกว่า ไม่เน้นเสียง หากไม่ป๊อกก็เรียกไพ่เพิ่ม

  • การเล่นแบบสบายๆ (loose)

        การเล่นแบบ loose คือการเล่นของเจ้ามือที่พร้อมเสี่ยงมากกว่า โดยอาจไม่มีรายได้ดีมากนัก แต่ก็จะมีการลักไก่หรือเทคนิคอื่นๆ เพิ่มเติมในการเอาชนะคู่แข่ง เช่นจับ 3 ใบ

บทสรุปแนวทางการเล่นป๊อกเด้ง ได้เงินจริง

        จากข้อมูลเชิงสถิติที่ทางผู้เชี่ยวชาญด้านเกมของเว็บไซต์จีคลับ คาสิโน ได้นำเสนอไปแล้ว สรุปได้สั้นๆ ว่า ในสถานการณ์เล่นแต่ละเกมผู้เล่นอาจต้องวิเคราะห์จากประสบการณ์ว่า ควรจั่วเพิ่มใบที่ 3 หรืออยู่ แต่เทคนิคเล็กๆ ที่อยากแนะนำคือ หากว่า เล่นกับเจ้ามือประเภทที่มีสไตล์การเล่นแบบรัดกุม ผู้เล่นก็ควรต้องวิเคราะห์ว่า ควรเสี่ยงเพิ่มหรือไม่ แต่หากเจอเจ้ามือที่เล่นแบบสบายๆ ผู้เล่นก็สามารถจั่วสู้ได้เลย เพื่อโอกาสในการชนะที่มากขึ้น

เกี่ยวกับผู้เขียน

ประสิทธิ์ เหมไพบูลย์
ประสิทธิ์ เหมไพบูลย์บรรณาธิการ

ชายวัยกลางคนที่เคยนั่งตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อธนาคารดังของไทย และมีความสามารถทางคณิตศาสตร์ที่โดดเด่นบวกกับความชื่นชอบในการเดิมพัน ทำให้เขามักจะนำทฤษฎีความน่าจะเป็นทางคณิตศาสตร์ มาคำนวนสูตรการเล่น บาคาร่า หรือ แบล็คแจ็ค แบบใหม่ๆ และเป็นผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จอันดับต้นๆ ของจีคลับ ซึ่งเขามั่นใจด้วยว่า ผู้เล่นทุกคนที่สนใจก็สามารถศึกษาสูตรของเขาและนำไปปรับใช้ในการลงทุนได้